ขสมก. เผยพนักงาน-กระเป๋ารถเมล์-โชเฟอร์ ติดโควิดอีก 10 คน กระทบหลายสายทั่วกรุง

องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เผยเมื่อวันพฤหัสบดี (8 ก.ค.) ว่ามีพนักงานขององค์การอีก 10 ราย ป่วยด้วยโรคโควิด-19 ส่วนใหญ่เป็นพนักงานเก็บค่าโดยสาร (กระเป๋ารถเมล์) และพนักงานขับรถ ทำให้ตัวเลขสะสมเฉพาะพนักงาน ขสมก. แทงหวยยี่กี ที่ไหนดี ที่ติดโรคนี้ขึ้นมาอยู่ที่ 209 คน

ส่วนพนักงานที่ป่วยรายใหม่ 10 คนนี้ มีรายละเอียดดังนี้

สาย 2 (ปรับอากาศ)

กระเป๋ารถเมล์ เพศหญิง อายุ 25 ปี

สาย 12 (ธรรมดา)

กระเป๋ารถเมล์ เพศหญิง อายุ 46 ปี

คนขับ เพศชาย อายุ 56 ปี

สาย 39 (ปรับอากาศ)

คนขับ เพศชาย อายุ 47 ปี

สาย 82 (ธรรมดา)

กระเป๋ารถเมล์ เพศหญิง อายุ 18 ปี

คนขับ เพศชาย อายุ 29 ปี

สาย 136 (ธรรมดา)

กระเป๋ารถเมล์ เพศหญิง อายุ 57 ปี

สาย 180 (ธรรมดา)

กระเป๋ารถเมล์ เพศหญิง อายุ 55 ปี

สาย 511 (ปรับอากาศ)

คนขับ เพศชาย อายุ 51 ปี

สำนักงานใหญ่

ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักการเจ้าหน้าที่ ฝ่ายบริหาร เพศชาย อายุ 54 ปี

การระบาดใน ขสมก. นี้ พบว่าส่วนใหญ่ติดมาจากคนในครอบครัว และพนักงานที่ทำงานร่วมกันองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ปรับเปลี่ยนเวลาให้บริการรถโดยสารประจำทาง จากเวลาปกติ เป็นให้บริการ เวลา 05.00 – 21.00 น. (เวลา 21.00 น. คือ เวลาที่รถโดยสารกลับถึงอู่จอดรถ) ตั้งแต่วันที่ 12-25 กรกฎาคม 2564 เพื่อให้สอดคล้องกับมติที่ประชุม ศบค.

นายสุระชัย เอี่ยมวชิรสกุล ผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เปิดเผยว่า ตามมติที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ครั้งที่ 9/2564 เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2564 เห็นชอบมาตรการ ควบคุม การแพร่ระบาด ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) melotto โดยขอความร่วมมือประชาชน ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล งดเดินทางออกนอกเคหะสถาน ตั้งแต่เวลา 21.00 – 04.00 น. และให้ระบบขนส่งสาธารณะหยุดให้บริการ ตั้งแต่เวลา 21.00 – 04.00 น.

ขสมก. จึงจัดแผนการเดินรถโดยสาร ให้สอดคล้องกับมติที่ประชุม ศบค.โดยมีรายละเอียด ดังนี้

1. ปรับเปลี่ยนเวลาการให้บริการรถโดยสาร จากเวลาปกติ เป็นให้บริการ เวลา 05.00 – 21.00 น. (เวลา 21.00 น. คือเวลาที่รถโดยสารกลับถึงอู่จอดรถ) ตั้งแต่วันที่ 12 – 25 กรกฎาคม 2564 โดยเพิ่มความถี่ในการปล่อยรถ ช่วงเวลาเร่งด่วนเช้า (05.00 – 08.00 น.) และช่วงเวลาเร่งด่วนเย็นถึงเวลาก่อนรถโดยสารหยุดให้บริการ (16.00 – 21.00 น.) ให้มีระยะห่างกันไม่เกิน 5 – 10 นาที หรือจัดเดินรถให้สอดคล้องกับความต้องการใช้บริการของประชาชน